|
|
|
วัดพระนางสร้างแหกคอก
สร้างร้านค้าเป็นกำแพงเซ็งลี้
สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ที่ 12 ภูเก็ต
ทำหนังสือแจ้งเจ้าอาวาสวัดพระนางสร้าง
อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
ระงับการก่อสร้างและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รับอนุญาตในเขตโบราณสถาน
นายพีรพน พิสณุพงศ์
ผู้อำนวยการสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่
12 ภูเก็ต
กล่าวว่าในขณะนี้ได้ทำหนังสือแจ้งต่อทาง
พระครูวิจิตรศุภการ
เจ้าอาวาสวัดพระนางสร้าง
เพื่อขอให้ระงับการก่อสร้างและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รับอนุญาตในเขตโบราณสถาน
เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาทางวัดได้มีหนังสือขอความร่วมมือในการออกแบบกำแพงวัด
ซึ่งบริเวณดังกล่าวส่วนหนึ่งอยู่ในเขตโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ
ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เล่มที่ 116 ตอนพิเศษ 7 ง.หน้า 8
ลงวันที่ 22 มกราคม 2542
และการก่อสร้างใดๆ
ในเขตนี้ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากร
ต่อมาทางสำนักงานฯ
ได้มีหนังสือขอให้ระงับการก่อสร้างไว้ก่อน
เพราะการออกแบบกำแพงอยู่ระหว่างการออกแบบและขออนุมัติแบบ
และเมื่อแบบกำแพงได้รับอนุมัติแล้ว
ได้นำส่งแบบกำแพงให้ทางวัดพระนางสร้าง
เพื่อดำเนินการตามรูปแบบ
อย่างไรก็ดี ปรากฏว่า
ล่าสุดได้รับแจ้งว่าทางวัดพระนางสร้างได้ก่อสร้างกำแพงวัดในลักษณะอาคารหรือห้องแถวร้านค้า
จึงได้ตรวจสอบพบว่าทางวัดไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างกำแพงตามแบบแปลนแผนผังที่กรมศิลปากรออกแบบให้
ซึ่งเป็นการขัดต่อมาตรา 7 (ทวิ)
และมาตรา 10
แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถาน
โบราณวัตถุ ศิลปวัตถ
และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน
โบราณวัตถุ
ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535
ซึ่งอาจต้องระวางโทษตามมาตรา 32
แห่งพระราชบัญญัตินี้
นายพีรพน กล่าวด้วยว่า
เพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานและสภาพแวดล้อมของโบราณสถานและให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปี
พ.ศ.2504 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535
สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่
12 ภูเก็ต
จึงขอให้วัดพระนางสร้างดำเนินการรื้อถอนอาคารหรือห้องแถวร้านค้าในบริเวณเขตโบราณสถาน
พร้อมกับระงับการก่อสร้างแล้วดำเนินการส่งผังรูปแบบการก่อสร้าง
ขออนุญาตต่อกรมศิลปากรให้ถูกต้องตามระเบียบต่อไป
ข่าวแจ้งว่าสำหรับวัดพระนางสร้าง
อ.ถลาวง นี้
เคยมีประชาชนร้องเรียนถึงกรมการศาสนาเนื่องจากมีการก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ
ที่เข้าข่ายว่าไม่เหมาะสมภายในวัด
เช่นรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม
รูปปั้นพระนางมัสซูหรี
หรือพระนางเลือดขาวย
และล่าสุดเมื่อทางการมาเลเซียได้ส่งเจ้าหน้าที่มาสืบค้นข้อมูลประวัติและเครือญาติที่ตำบลกมลา
อ.กะทู้
ปรากฏว่าพระครูวิจิตรศุภการ
เจ้าอาวาสวัดพระนางสร้างยังเคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ส่วนกลางบางฉบับว่า
ในอดีตชาติเคยเป็นพระสวามีของพระนางมัสซูหรี
และในชาตินี้จึงต้องมาเฝ้าปฏิบัติธรรมในวัดพระนางสร้าง
ทั้งนี้แนวกำแพงด้านหน้าเดิมของวัดพระนางสร้างนั้น
มีการออกแบบและสร้างเป็นลักษณะเหมือนกำแพงหรือเชิงเทินในการตั้งค่ายรบในสมัยโบราณ
แต่ต่อมามีการขยายถนนสี่ช่องทางจราจรหรือหมายเลข
402 ผ่านพื้นที่กลาง อ.ถลาง
ทางวัดจำเป็นต้องรื้อถอนและสร้างขึ้นใหม่
แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามรูปแบบของกรมศิลปากรแต่อย่างใด
เพราะมีการก่อสร้างเป็นอาคารหรือห้องแถวร้านค้าเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้าไปค้าขาย
ซึ่งพุทธศาสนาสนิกชนใน อ.ถลาง และ
จ.ภูเก็ต
ต่างวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอดว่า
ทางวัดดำเนินการไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
|