URL: www.phukettoday.com/news

ค่าธรรมเนียมผู้พักโรงแรม ผวจ.บอกไม่น่าเดือดร้อน
สภา อบจ.ภูเก็ตมีมติให้แก้บัญญัติจังหวัด ยืดการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผู้เข้าพักโรงแรมออกไปอีก แค่เดือนเดียว ในอัตรา 0.5% ส่วนปีหน้าอัดเต็มที่ ตั้งแต่ตุลาเป็นต้นไป 2% ให้ประกาศใช้ได้ทันที หลังผู้ว่าฯเซ็น จะแห้วหรือไม่ ต้องรอผู้ว่าฯใหม่มา ฝ่ายโรงแรมยังยืนกระต่ายขาเดียว ขอยึดมติที่ประชุม 2 สมาคม ยาวไปถึงตุลา ปี44 ส่วนค่าธรรมเนียมปั้มน้ำมัน 5 ส.ต.อบจ.กลับซุกเข้าเก๊ะเก็บเงียบ เกรงกระทบฐานเสียง ผู้ว่าฯใหม่บอก ผู้ประกอบการโรงแรมภูเก็ตไม่น่าจะเดือดร้อนมากนัก ต่อไปก็ต้องขยายไปเก็บอย่างอื่นด้วย ถ้าโรงแรมมีปัญหาอย่างอื่นก็ต้องมีปัญหาด้วย    
ปัญหาข้อบัญญัติการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผู้เข้าพักโรงแรม ของอบจ.ภูเก็ต ซึ่งได้หมดระยะเวลาการผ่อนในเดือนตุลาคม 43 แต่ทางผู้ประกอบการโรงแรมได้ขอยืดระยะเวลาการผ่อนผันออกไปอีกจนถึง ตุลาคมปี 44 อ้างว่ายังไม่พร้อมด้วยประการทั้งปวงปรากฏว่าเรื่องนี้ทางอบจ.ภูเก็ตก็ยืนยันจะจัดเก็บให้ได้ตามกำหนดเดิม ซึ่งยังหาข้อยุติไม่ได้นั้น
จากประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ภูเก็ต สมัยสามัญ สมัยที่ 2 (ครั้งที่ 2) ประจำปี 2543 ณ ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งมีนายสมชาย ดวงแข ประธานสภาอบจ.ภูเก็ต เป็นประธานการประชุม ได้บรรจุปัญหาข้อบัญญัติการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผู้เข้าพักโรงแรม เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมในครั้งนี้ด้วย โดยเป็นญัตติร่างข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เรื่อง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จากผู้เข้าพักในโรงแรมเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2543 ซึ่งภายหลังจากการแปรญัตติในข้อ 12 ของข้อบัญญัติดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ประธานในที่ประชุมได้มีการขอความเห็นคำแปรญัตติข้อ 12 และขอความเห็นชอบให้ใช้ร่างบัญญัติเพิ่มเติม(ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2543 ด้วยเสียงเห็นชอบ 16 เสียง ไม่เห็นชอบไม่มี และงดออกเสียง 6 เสียง
นายสมชาย ได้อ่านข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด เรื่อง การเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากผู้เข้าพักในโรงแรมเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2543 นี้ว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 45 (1) มาตรา 51 และมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จึงตราข้อบัญญัตินี้ไว้ โดยความเห็นชอบของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และโดยอนุมัติของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ดังต่อไปนี้
ข้อ1. ข้อบัญญัตินี้เรียกว่า "ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เรื่องเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตจากผู้เข้าพักในโรงแรมเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2543
ข้อ 2. ให้ยกเลิกความในข้อ 2 แห่งข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตจากผู้เข้าพักในโรงแรม พ.ศ. 2543 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "ข้อ 2 ข้อบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 เป็นต้นไป"
ข้อ 3 ให้ยกเลิกข้อความในข้อ 12 แห่งข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดภู
เก็ต เรื่อง การเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตจากผู้เข้าพักในโรงแรม พ.ศ. 2543 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "ข้อ 12 ให้ผู้เข้าพักในโรงแรมเสียค่าธรรมเนียมตามข้อบัญญัตินี้ โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2544 เสียในอัตราร้อยละ 0.5 และตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2544 เป็นต้นไป เสียในอัตราร้อยละ 2 ของค่าเช่าห้องพัก
นายสมชาย กล่าวถึงขั้นตอนต่อไปของประกาศในร่างข้อบัญญัติดังกล่าวว่า หลังจากที่ทางสภาอบจ.ภูเก็ต ได้ให้ความเห็นไปแล้ว เป็นหน้าที่ของนายกอบจ.ภูเก็ต ที่จะต้องนำร่างดังกล่าวเสนอขอความเห็นชอบจากทางผู้ว่าราชการจังหวัด และหลังจากที่ได้ทำการประกาศใช้แล้ว ข้อบัญญัติดังกล่าวก็จะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศแล้ว 15 วัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทางจังหวัดได้มีการเปลี่ยนผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ ดังนั้น จึงยังไม่สามารถที่จะะยืนยันได้ว่าร่างฉบับนี้จะประกาศใช้ได้เมื่อไหร่
ทางด้านนพ.ประสิทธิ์ โกยศิริพงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากนี้ ก็จะได้นำเสนอร่างที่ผ่านความเห็นชอบของทางสภาอบจ.ภูเก็ต ให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตให้ความเห็นชอบ โดยจะนำเสนอให้เร็วที่สุด แต่จะได้รับความเห็นชอบหรือไม่อย่างไรนั้น ก็คงต้องรอดูกันอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ อย่างไรก็ตามทางอบจ.ยืนยันว่า การจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนทางผู้ประกอบการโรงแรมนั้น นายปมุข อัจฉริยะฉาย อดีตนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และผู้ประกอบการโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป ได้กล่าวกับผู้จัดการรายวันŽว่า ทางด้านชาวโรงแรมก็ยังคงยืนยันตามมติที่ประชุมร่วม 2 สมาคมคือ ขอให้ทางอบจ.ภูเก็ตชะลอการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้ไปก่อน จนกว่าการวินิจฉัยจะออกมาชัดเจน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ยืดให้ถึงปี 44 เพื่อทางผู้ประกอบการจะได้มีโอกาศเตรียมความพร้อม บอกกล่าวให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบล่วงหน้า ตอนนี้ถึง
อย่างไรก็ไม่สามารถที่จะไปบวกเอากับนักท่องเที่ยวได้อยู่แล้ว
"คงจะต้องประชุมคุยกันอีกหลายครั้งแหละ เพราะยังไงๆ เราก็ยังรับภาระไม่ได้ และที่จังหวัดอื่นก็ยังต้องรอการวินิจฉัยก่อน การเซ็นข้อบัญญัติครั้งที่แล้ว ก็เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่งย้ายมาใหม่ ยังไม่ทันได้รู้ข้อเท็จจริงว่าทางโรงแรมมีปัญหาอย่างไร คราวนี้ก็มีผู้ว่าฯ มาใหม่อีก แต่คิดว่าท่านคงจะรู้ และศึกษามาบ้างแล้ว ก่อนที่จะเซ็นข้อบัญญัติฉบับแก้ไขใหม่ ท่านคงเรียกประชุมหารือกันก่อน" นายปมุข กล่าว
สำหรับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งตามกฎหมายอบจ.ระบุให้ออกเป็นข้อบัญญัติจัดเก็บได้ไม่เกินลิตรละ 5 สตางค์นั้น ปรากฎว่าทางอบจ.ภูเก็ตไม่มีความเคลื่อนไหว หรือกรตือรือล้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และนายกอบจ.ภูเก็ตก็พยายามบ่ายเบี่ยงที่จะตอบปัญหานี้ เพียงแต่ตอบสั้นว่า ขอรอดูราคาน้ำมันอีกสักระยะหนึ่งก่อน
แหล่งข่าวจากกลุ่มผู้ค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในจังหวัดภูเก็ต เผยว่า เรื่องนี้ทางปั้มยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งมา หรือเกริ่นมาล่วงหน้าแต่อย่างใด ถึงอบจ.จะมาขอเก็บก็ยังไม่
จ่ายให้ เพราะทั่วภาคใต้ตอนนี้ก็ไม่มีใครจ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องดูมติของสมาพันธ์ผู้ค้าปลีกน้ำมันภาคใต้ที่สงขลาก่อน อันที่จริงถ้าอบจ.ยืนยันจะจัดเก็บ ทางบริษัทผู้ค้าปลีกน้ำมันหรือปั้มก็ไม่เดือดร้อนอะไร เก็บ 5 หรือ 10 ส.ต.ปั้มก็ไปบวกเอากับผู้ซื้อ แล้วก็ลงทุนติดป้ายประกาศให้ชัดเจนว่าที่น้ำมันแพงขึ้นมาอีก 5 หรือ10 ส.ต.นั้นอบจ.เป็นผู้จัดเก็บ
"คิดว่าเรื่องนี้ ทางอบจ.คงจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เกี่ยวกับเรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมค้าปลีกน้ำมันแน่ เพราะเรื่องน้ำมันมีผลกระทบถึงประชาชนโดยตรง ทางอบจ.คงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามให้กระทบฐานเสียงของตัวเองแน่ ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมห้องพักนั้น กระทบเฉพาะผู้ประกอบการกับนักท่องเที่ยวเท่านั้น ประชาชนทั่วไปคงไม่ไปเช่าโรงแรมนอนทุกวัน โดยไม่มีเหตุผลแน่นอน" แหล่งข่าวกล่าว
อนึ่งเมื่อวานนี้(2 ต.ค.43) นายพงศ์โพยม วาสภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตคนใหม่ ที่เพิ่งจะเดินทางมารับงานเป็นวันแรก ได้กล่าวถึงปัญหานี้ว่า กระบวนการที่จะทำให้ท้องถิ่นโต หรือการพัฒนาท้องถิ่นนั้น ก็ต้องมีรายได้เข้ามาช่วยส่งเสริม การเก็บค่าธรรมเนียมในลักษณะนี้ คงไม่ใช่เฉพาะส่วนของโรงแรมแต่เพียงฝ่ายเดียว ต่อไปก็คงมีการขยายไปสู่เรื่องอื่นๆ ด้วย เช่นการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งในต่างประเทศก็มีการจัดเก็บเช่นกัน การจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้ เป็นการเริ่มในส่วนของคนรวย อันได้แก่โรงแรมก่อน แต่หากการจัดเก็บจากโรงแรมซึ่งเป็นคนรวยมีปัญหา ต่อไปหากมีการขยายการจัดเก็บไปยังกลุ่มอื่นๆ ก็จะมีปัญหาตามไปด้วย และหากท้องถิ่นไม่มีรายได้ ก็คงไม่สามารถให้บริการต่างๆ ได้
ในกรณีที่ผู้ประกอบการมองว่า การจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวมีความซ้ำซ้อนนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า ก็ต้องพิจารณาดูว่าซ้ำซ้อนอย่างไร เพราะเรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว ไม่ใช่เป็นเรื่องที่อบจ.จะเก็บได้โดยพลการ เรื่องนี้ได้ผ่านการพิจารณาร่วมกันมาแล้ว ทั้งในส่วนของกระทรวงการคลัง สรรพสามิต สรรพากร เป็นต้น หากมีปัญหาอะไรคงคุยกันได้
"เมื่อมีการกระจายอำนาจให้กับส่วนท้องถิ่นแล้ว ซึ่งฐานะของอบจ.ตอนนี้ก็เป็นนิติบุคคล ก็คงเข้าไปก้าวก่ายอะไรมากไม่ได้ นอกจากเป็นเพียงผู้ให้คำปรึกษา แนะนำในส่วนที่อบจ.มีมติในร่างข้อบัญญัติแล้วเสนอมา ก็ต้องพิจารณาดูในรายละเอียดก่อนว่าถ้าหากมีผลกระทบนั้น กระทบอย่างไร เดือดร้อนกันอย่างไร ก็น่าจะมีการแก้ไขผ่อนปรนกันได้ คิดว่าในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรมในภูเก็ตไม่น่าจะเดือดร้อนมากนัก" นายพงศ์โพยม กล่าวในที่สุด.

Home - เกี่ยวกับบริษัทฯ - ติดต่อกับบริษัทฯ - รายละเอียดโฆษณา - แผนผังเว็บไซต์ 73/2 ถนนรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000 โทร..66-76 214496-8 แฟกซ์.66-76 215933 สงวนลิขสิทธิ์  1998, 1999,2000. บริษัท เอกซ์เพรสดาต้า จำกัด.