พบหมอสติเฟื่อง !
สสจ.สั่งสอบพฤติกรรม
สสจ.ภูเก็ต
ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีมีผู้ร้องเรียนว่า
มีนายแพทย์เอกชนภูเก็ตรายหนึ่ง
ไปเสนอให้คนไข้ในโรงพยาบาลของรัฐใช้ยาสมุนไพรหรือยาบำรุงในการรักษาโรคร้ายสารพัดโรค
นายแพทย์บุญเรียง ชูชัยแสงรัตน์
นายแพทย์สาธารณสุข จ.ภูเก็ต
(สสจ.ภูเก็ต) เปิดเผยว่า
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้โทรศัพท์ร้องเรียนว่า
พบเห็นการกระทำของนายแพทย์เอกชนใน
จ.ภูเก็ต รายหนึ่ง
เข้าไปชี้แจ้งเกี่ยวกับการใช้ยาสมุนไพรหรือยาบำรุง
สำหรับคนไข้ที่เป็นโรคต่างๆ
เช่น โรคเอดส์ โรคเกาท์
หรือโรคมะเร็ง
พร้อมกับนำเอาอัลบั้มภาพถ่ายคนไข้ที่หายป่วยมาแสดงประกอบการอธิบายให้นายแพทย์ทวีศักดิ์
เนตรวงศ์
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลป่าตองและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลป่าตอง
อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
ส่วนหนึ่งได้รับฟัง
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน
ในขณะช่วงที่ผ่านมาไม่กี่เดือนมีรายละเอียดส่วนหนึ่งว่า
คนไข้หรือญาติพี่น้องจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างต่ำสุดถึง
1,000 บาท ไปขจถึงหลายหมื่นบาท
ในการรับยาสมุนไพรมาใช้
และยังมีผู้ป่วยที่รับยาไปแล้วเสียชีวิต
ไม่ว่าจะเป้นเรื่องข่าวลือหรือข้อเท็จจริง
แม้จะไม่มีการร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร
สำนักงานสาธารณสุข จ.ภูเก็ต
จะต้องสอบสวนหาข้อมูลที่ชัดเจนจากฝ่ายต่างๆ
ต่อไป
โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง
เพื่อสอบสวนเรื่องนี้
เพราะหากไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ตัวสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต
เองจะต้องผิดไปด้วยเพราะเป็นผู้ลงนามรับรองว่า
นายแพทย์รายดังกล่าว
ยื่นขอประกอบโรคศิลป์
ทั้งนี้ในที่สุดเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง
มีนายแพทย์คนหนึ่ง
อยู่ในเขตเมืองได้จ่ายยาสมุนไพรให้ผู้ป่วยจริง
โดยอ้างว่า
เขามีความสนใจในการใช้จาสมุนไพรให้ผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์ได้มีโอกาสเลือกใช้
ในเรื่องนี้
ทางสำนักงานสาธารณสุข จ.ภูเก็ต
จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยเบื้องต้นได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายแพทย์รายดังกล่าวแล้ว
และรับปากว่าจะนำเอาตัวยาและองค์ประกอบต่างๆมาให้กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุขพิจารณาและตรวจสอบ
เมื่อบ่ายวันที่ 1 พฤศจิกายน
นอกจากนี้หากมีคนไข้และญาติผู้เสียหายเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระทำของนายแพทย์รายดังกล่าว
ยังสามารถเข้าร้องเรียนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตได้อีก
นายแพทย์บุญเรียง กล่าวว่า
ในขณะนี้ยัง (13 พฤศจิกายน 43)
ยังไม่พบตัวนายแพทย์คนดังกล่าว
แต่ได้โทรศัพท์พูดคุยกันแล้ว
และได้สอบถามประเด็นสำคัญในฐานะตัวแทนของคณะกรรมการอาหารและยา
ใน จ.ภูเก็ต
ถ้ามีการอ้างว่าใช้ยาสมุนไพร
สำหรับโรคเอดส์หรือโรคมะเร็ง
จะต้องเข้าข่ายที่เจ้าตัวหรือนายแพทย์ท่านนั้นจะต้องเปิดเผยสูตรยาและขั้นตอนต่างๆ
ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข
นอกจากนี้จะต้องไม่ค้ากำไรเกินควรหรือรักษาฟรี
เช่นรับซื้อหรือปรุงยาขึ้นมาราคา
10 บาท ขายได้ไม่เกิน 12 บาท
แต่จะขายเป็น 100 บาทไม่ได้
นอกจากนี้จะต้องจดแจ้งทะเบียนตำรับยาสมุนไพรที่สำนักงานสาธารณสุข
โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น
"ดูเจตนาเบื้องต้นของนายแพทย์ท่านนี้
เห็นว่ามีประสงค์ดี
แต่กลับอ้างว่าตัวยาสมุนไพรที่ทำขึ้น
มีคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
กระทรวงสาธารณสุข
รวมทั้งเภสัชสาธารณสุขของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
เป็นผู้รับรอง เมื่อเป็นเช่นนี้
ยิ่งต้องเอาตัวอย่างยาและรายละเอียดมาแสดง
เพื่อความบริสุทธิ์ใจของตนเอง"
นายแพทย์บุญเรียง กล่าว
และเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโถคและเภสัชสาธารณสุขแล้ว
ทราบเพียงว่า
นายแพทย์ท่านนี้ไม่ได้นำเอาตัวอย่างสมุนไพรมามอบให้
แต่นำจดหมายมาให้เพียงฉบับเดียว
และไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ทั้งนี้สื่อข่าวได้ตรวจสอบบริเวณคลินิคของนายแพทย์ท่านนี้
หลังจากมีผู้ร้องเรียนแล้ว
พบว่าได้สั่งมีการให้พนักงานในคลินิค
ปลดป้ายผ้าหน้าคลินิค
ที่มีข้าความทำนองว่า
"ให้บริการ คำแนะนำ
การรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร
ควบคู่ไปกับยาแผนโบราณ"
และนำไปเก็บไว้
นอกจากนี้ได้สอบถามนายแพทย์ทวีศักดิ์
เนตรวงศ์
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลป่าตอง
เกี่ยวกับพฤติกรรมของนายแพทย์ท่านนี้
ทางนายแพทย์ทวีศักดิ์
ยืนยันว่าได้พยายามเข้าไปชี้แจงเกี่ยวกับสรรพคุณของยาสมุนไพรให้ตนเองและเจ้าหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาจริง
ที่อนุญาตให้เข้าชี้แจง
เพราะเข้าใจว่า
เป็นแพทย์ที่มีอุดมการณ์
อาจจะมีการคิดค้นตัวยาสมุนไพร
จนสามารถใช้การได้
ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ในปัจจุบันได้
แต่เมื่อได้ฟังคำชี้แจงไม่นานนักจึงทราบว่า
เป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจเลย
ไม่น่าเชื่อถือ
เป็นการหลอกลวงสังคม
เรียกได้ว่า
ใช้วิชาชีพแพทย์ของตนเองเป็นช่องทางในการทำมาหากินฉกฉวยโอกาส
สำหรับบุคคลที่ใกล้จะตายหรือประชาชนให้หลงเชื่อ
เป็นภาระที่เสี่ยงต่อผู้ป่วยสูงมาก
มีพฤติการณ์ขูดรีดมากเกินไป
ในฐานะที่ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของวงการแพทย์ของรัฐในภูเก็ตและประเทศไทย
จะต้องพยายามระมัดระวังดูแลให้บุคลากรทางการแพทย์
ไม่ให้เบี่ยงเบน
เอารัดอเอาเปรียบสังคม
และทราบว่าทางสำนักงานสาธารณสุข
จ.ภูเก็ต
กำลังดูแลเอาใจใส่ในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
เพื่อไม่ให้ประชาชนหมดหวังและเสียกำลังใจ
"เป็นไปได้อย่างไร
อ้างว่าผลิตสมุนไพรเอง
ขายยารักษาโรคเอดส์ โรคเกาท์
เบาหวาน มะเร็ง ภูมิแพ้
แก้โรคสารพัด
แต่ตัวยากลับไม่ผ่านกระบวนการศึกษาวิจัย
ค้นคว้าและรับรองจากสถาบันได้
แต่ได้อ้างว่าสาธารณสุข จ.ภูเก็ต
และ อย. รับรอง
โดยเสนอขายยาในคลินิคตัวเอง
หรือตระเวนไปยังโรงพยาบาลเอกชน
และโรงพยาบาลของรัฐ
รวมทั้งพยายามเข้าไปติดต่อคนไข้ด้วยตนเอง
พร้อมกับนำเอาภาพถ่ายของคนไข้ที่เคยรักษา
และอ้างว่ามีข้อความที่ผู้ป่วยเขียนขึ้นมาประกอบ
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
โดยเฉพาะยารักษาโรคเอดส์
มีราคาแพงมาก
ผู้ป่วยต้องจ่ายสูงถึงเดือนละ
38,000 ที่ผ่านมา
เคยเข้าไปในโรงพยาบาลป่าตองโดยไม่ได้รับอนุญาตและขายยาให้คนไข้เม็ดละ
1,000 บาท
และวันรุ่งขึ้นผู้ป่วยรายนั้นเสียชีวิต
เป็นการกระทำที่สร้างความเสื่อมเสียต่อวงการการแพทย์ภูเก็ตมานานหลายเดือน
หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
จะต้องเข้ามาดำเนินการอย่างเฉียบขาด
ส่วนผู้ป่วยหรือญาติพี่น้อง
หากถูกนายแพทย์ท่านนี้
เข้าไปเสนอขายหรือกำลังดำเนินการใดๆ
อยู่
กรุณาออกมาให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดโดยด่วน"
นายแพทย์ทวีศักดิ์ กล่าวและว่า
ผู้ป่วยที่สิ้นหวังกับระบบการรักษาพยาบาลในปัจจุบัน
อาจจะคว้าฟางเส้นสุดท้ายนี้เอาไว้
โดยไม่มีความเฉลียวใจว่าถูกหลอกลวงหรือ
ไม่มีตัวยาใดๆ
ที่ทำให้การรักษาพยาบาลโรคร้ายหาย
หรือทำเลาเบาบางลงได้
ในขณะที่แหล่งข่าวโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตแจ้งว่า
นายแพทย์ท่านนี้
เคยทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งในภูเก็ต
แต่มีปัญหาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลและคิดค่าใช้จ่ายสูง
เพราะเห็นว่าคนไข้มีการทำประกันเอาไว้
นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมเสนอขายยาสมุนไพรในโรงพยาบาลเหล่านนั้นด้วย
จึงถูกผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชน
เชิญออกเมื่อเร็วๆ นี้
นอกจากเคยไปติดต่อคนไข้รายหนึ่งที่เป็นโรคเกี่ยวกับตับ
และคิดค่ารักษาพยาบาล
โดยเฉพาะการให้ใช้ยาสมุนไพรร่วมด้วย
มีอัตราค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 72,000
|