"เรารักษ์ทะเลไทย"
แนะวิธีกำจัดน้ำมันเรือ ภาครัฐและเอกชนจัดโครงการเรารักษ์ทะเลไทย
รณรงค์ให้รู้จัก
วิธีการกำจัดน้ำมันเครื่องจากเรือที่ใช้แล้วอย่างถูกวิธี
แทนการปล่อย ทิ้งทะเล
สร้างมลภาวะอย่างร้ายแรง
"เจนโก"
เป็นโต้โผใหญ่จัดสัมมนาที่โรงแรมเมโทรโพลภูเก็ต
นายพงศ์โพยม วาศภูติ
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
เป็นประธาน
เปิดงานประชาสัมพันธ์โครงการเรารักษ์ทะเลไทย
โดยมีผู้แทนกองบัญชาการกองเรือภาคที่
3 กอง เรือยุทธการ ตำรวจน้ำ
ตลอดจนหัวหน้าส่วนราช-การ
ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้ประกอบการเรือประมงและเรือโดยสาร
ท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการประมาณ
100 คน
สำหรับโครงการเรารักษ์ทะเลไทยนี้ทางกรมเจ้าท่าร่วมกับ
บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด
และบริษัทบริหาร
และพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
จำกัด (มหาชน) หรือเจนโก
จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานในท้อง
ถิ่น
รวมถึงชาวประมงและผู้ประกอบการเดินเรือในจังหวัด
ภูเก็ต
ทราบถึงแนวทางในการดำเนินงานเก็บรวบรวมน้ำ
มันเครื่องที่ใช้แล้วจากเรือประมงหรือเรือโดยสารท่องเที่ยว
และไปกำจัดอย่างถูกวิธี
นอกจากนี้เพื่อให้มีส่วนร่วมในการ
ป้องกันและลดปัญหามลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันอย่าง
ต่อเนื่อง
นายธีรพจน์ วัชราภัย
ประธานกรรมการ
บริษัทเชลล์ในประเทศไทย
กล่าวว่า ในแต่ละปีจะ
มีน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ที่ใช้งานแล้วถ่ายออกจากเครื่อง
ยนต์ประมาณ 300 ล้านลิตร
ในจำนวนนี้มาจากเครื่องเรือ
ประมาณ 10 ล้านลิตร
และจากการสำรวจข้อมูลกลุ่มเรือ
ประมงจำนวน 116
ลำในจังหวัดภูเก็ตเมื่อเดือนตุลาคม
2543 พบว่ามีเรือมากถึงร้อยละ 62
จะถ่ายน้ำมันลงทะเล และร้อยละ 30
จะบรรจุในภาชนะแล้วนำไปทิ้งบนฝั่ง
ดัง
นั้นจึงจำเป็นต้องกระตุ้นและส่งเสริมให้ชาวเรือมีความรับ
ผิดชอบเพิ่มมากขึ้น
"เศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีแยะมาก
หากเกิดปัญหาขึ้นแล้วจะเป็นปัญหาระดับชาติ
เพราะไม่
ใช่มีเฉพาะเรือประมงเท่านั้น
ยังมีเรือโดยสารท่องเที่ยว
และบางส่วนเป็นเรือต่างประเทศด้วย
จะต้องมีการประชา
สัมพันธ์ให้มาก
เราจะต้องเลือกดูทั้งนี้เมื่อปลายที่แล้วได้
ดำเนินการมาแล้วที่จังหวัดปัตตานี
และได้ผลเป็นอย่างดี
เพราะมีเครือเข้าร่วมโครงการต่อเนื่องมากถึง
50 ลำ" นายธีรพจน์กล่าว
ทางด้าน นางสาวกรรณิการ์
บุญตานนท์
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนพัฒนาการขน
ส่งทางน้ำ กล่าวว่า
กรมเจ้าท่ามีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
ในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำ
เนื่องจากน้ำมันโดย
มีการประสานการทำงานร่วมกับกองทัพเรือและบริษัท
ผู้ค้าน้ำมันอย่างใกล้ชิด
และสามารถระดมบุคลากรพร้อม
เครื่องมือมาขจัดคราบน้ำมันได้ทันทีในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
เรืออับปางและมีคราบน้ำมันรั่วไหล
ขณะเดียวกันกรมเจ้า
ท่ากำลังจัดซื้อเรือขจัดคราบน้ำมันมาประจำที่จังหวัดภูเก็ต
โดยเฉพาะด้วย
"เรามีแผนฉุกเฉินแห่งชาติโดยมีกรมเจ้าท่าเป็นหน่วย
งานหลัก ทหารเรือ
และหน่วยอนุรักษ์สภาพแวดล้อมในวงการอุตสาหกรรมน้ำมันหรือเป็นการร่วมมือระหว่าง
หน่วยงานรัฐและเอกชนที่จะต้องทำงานด้วยความรวดเร็ว
เพื่อไม่ให้คราบน้ำมันกระจายสร้างความเสียหายต่อน่านน้ำ
ที่ฝั่งอันดามันมีปัญหามากพอสมควรโดยเฉพาเรือโดยสาร
ที่มีมากแต่ว่าเราก็ดูแลอยู่
และเวลานี้กรมเจ้าท่าเตรียมขอ
งบประมาณที่จะซื้อเรือขจัดน้ำมันเฉพาะสำหรับที่ใช้ในฝั่ง
อันดามัน
รอกระบวนการที่จะรับเรือ
ขณะนี้ต่อเสร็จแล้ว
ทั้งนี้ฝั่งอันดามันเราห่วงมากเพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่อง
เที่ยวและมีชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวมาก
เขาจะระวังเรื่อง
นี้เมื่อมีน้ำมันหกแล้วนักท่องเที่ยวจะบ่นมาก
เพราะเห็น
ว่าจะทำให้หาดเสียหายไป
ผู้ที่ไปเล่นน้ำจะติดคราบน้ำมัน
จะทำให้เขาไม่อยากมา
แม้ว่าปัจจุบันอุปกรณ์ขจัดคราบ
น้ำมันมีอยู่มากที่จังหวัดสงขลา
แต่สามารถระดมมาช่วย
ได้เมื่อมีปัญหา"
นางสาวกรรณิการ์กล่าว |