ภูเก็ตได้
กสพ.แห่งแรก "โอหมี่"
นั่งเก้าอี้ประธาน
จังหวัดภูเก็ตนำร่องกระจายอำนาจด้านสุขภาพ
ได้คณะกรรมการครบ 21 คน
แต่งตั้งเรียบร้อยเป็นจังหวัดแรกของประเทศ
มี "โอหมี่" เป็นประธาน
นัดประชุมเวิร์กช็อปนัดแรกแล้ว
มีนักวิชาการมาร่วมเพียบ
เมื่อบ่ายวันที่ 2 กรกฎาคม 2544
ที่ผ่านมาที่ห้องประชุมเทศบาลเมืองภูเก็ต
ได้มีการประชุมคณะกรรมการสุขภาพระดับพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
(กสพ.)
เพื่อคัดเลือกประธานและรองประธานคณะกรรมการ
ผลปรากฏว่าที่ประชุม
ได้มีมติเลือก ร.ท.ภูมิศักดิ์
หงษ์หยก นายกเทศมนตรีเมือง
ภูเก็ตเป็นประธานคณะกรรมการ
และเลือก นพ.ประสิทธิ์
โกยศิริพงศ์ เป็นรองประธาน
ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าว
นี้นับว่าเป็นชุดแรกในประเทศไทยที่ได้รับการแต่งตั้งอย่าง
เป็นทางการ
หลังจากทางกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการกระจายอำนาจด้านสุขภาพสู่ระดับพื้นที่
ตามมาตรา 12 (1)
แห่งพระราชบัญญัติกำหนดแผนงานและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2542
ที่ได้กำหนดให้คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีอำนาจและหน้าที่จัดทำแผน
การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและแผนปฏิบัติการเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
และรายงานต่อรัฐสภา
สำหรับเรื่องการกระจายอำนาจด้านสุขภาพนั้น
ในชั้นต้นได้กำหนดนำร่องไว้ 15
จังหวัดและภูเก็ตคือ 1 ใน 15
จังหวัดนั้น
และทางจังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการสรรหาคณะกรรมการจำนวน
21 คน
เพื่อเสนอชื่อรับการแต่งตั้งจากผู้
ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จึงมีการประชุม
เพื่อเลือกตั้งประธานและรองประธานดังกล่าว
ซึ่งนับเป็น
จังหวัดแรกของประเทศไทยที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย
แม้
ว่าที่จังหวัดแพร่และนครราชสีมาได้ดำเนินการคัดเลือกคณะ
กรรมการแล้ว
แต่ก็ยังไม่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้รับทราบเรื่องการประชุมเชิง
ปฏิบัติการเรื่องการพัฒนศักยภาพคณะกรรมการสุขภาพ
ระดับพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
ในระหว่างวันที่ 9-13 กรกฎาคม 2544
ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน
ซึ่งในการประชุมครั้งนี้จะมี
นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ
ทั้งของไทยและต่างประเทศเดิน
ทางมาให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการกระจาย
อำนาจด้านสุขภาพเป็นจำนวนมาก
สำหรับที่ประชุมที่ผ่านมาคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้
แสดงความคิดเห็นว่า
คณะกรรมการชุดนี้ต่อไปจะต้องมี
สถานภาพตามกฎหมาย
ซึ่งต้องมีสำนักงานเป็นของตัวเอง
ต้องมีพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำสำหรับดำเนินการทางด้าน
ธุรกิจและที่สำคัญคณะกรรมการเห็นว่าเมื่อกระจายอำนาจ
และงบประมาณมาสู่ระดับพื้นที่แล้ว
ควรมอบหมายให้
คณะกรรมการสามารถบริหารงบประมาณได้อย่างเต็มที่
เพื่อมุ่งเน้นที่ประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
โดยไม่ต้อง
ไปอยู่ในกรอบของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการงบ
ประมาณ
เพราะไม่เช่นนั้นการบริหารงบประมาณก็จะไม่
เป็นอิสระและถือว่าไม่เป็นการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง
ซึ่งทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าหากภูเก็ตสามารถทำเรื่อง
นี้ได้ประสบความสำเร็จก็จะเป็นประโยชน์ต่อจังหวัดอื่นๆ
ที่จะดำเนินการตามมาอีกด้วย |