คลับอันดามัน
บีช รีสอร์ท ทุ่ม 300
ล้านซื้อโรงแรมใหม่ การท่องเที่ยวเมืองไข่มุกอันดามันโตไม่หยุด
โรงแรมคลับอันดามัน บีช รีสอร์ท
ย่านหาดป่าตอง ตัดสินใจทุ่มอีก 300
ล้านบาท ซื้อโรงแรม อันดามัน บีช
สวีท ไว้ในเครือ
รองรับนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวอยู่ยาว
เป็นตลาดกลุ่มใหม่
นายโอภาส เนตรอำไพ
กรรมการผู้จัดการโรงแรมคลับอันดามัน
บีช รีสอร์ท หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต
เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการบริษัท
ใสน้ำเย็น จำกัด
ซึ่งดูแลบริหารโรงแรมคลับอันดามัน
บีช รีสอร์ท ได้มี
มติเข้าซื้อกิจการโรงแรมอันดามัน
บีช สวีท ด้วยมูลค่ากว่า 300
ล้านบาท เพื่อขยายการดำเนินงาน
และเพิ่มความหลากหลายในด้านธุรกิจ
ซึ่งจะทำให้มีการพัฒนาและเติบโตในหลายๆ
ตลาด
โดยยึดหลักแนวทางการบริหารการตลาดเช่นเดียว
กับของโรงแรมคลับอันดามัน
โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่
วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
"โรงแรมคลับอันดามัน บีช สวีท
นั้นไม่ใช่โรงแรม
ใหม่แต่มีการเปิดให้บริการมาแล้วประมาณ
7 ปี เดิมนั้น
จะเน้นตลาดของคอนโดมิเนียม
แต่เนื่องจากประสบกับ
ภาวะเศรษฐกิจส่งผลให้การทำตลาดทำได้ยาก
ดังนั้นจึง
มีการเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นโรงแรมกึ่งคอนโดมิเนียมแทน
ทั้งนี้ตลาดของโรงแรมนี้จะเน้นตลาดพักระยะยาว
เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ยุโรป
เป็นต้น และระยะสั้นซึ่งจะเป็น
ตลาดในโซนเอเซีย เช่น จีน
มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น
โดยมีห้องพักไว้คอยให้บริการจำนวน
100 ห้อง เป็นห้อง
พักขนาดใหญ่แบบสวีท
ซึ่งสามารถที่จะรองรับผู้ที่ต้องการ
เดินทางเข้ามาพักในลักษณะของครอบครัว
นอกจากนี้ยัง
ได้มีการปรับปรุงห้องพักต่างๆ
ใหม่หมด และมีห้องพัก
แบบมินิสวีทอีก 30 ห้อง
โดยในส่วนของการตกแต่งห้อง
พักต่างๆ นั้นจะใช้งบประมาณ 10
ล้านบาท"
นายโอภาส
ได้กล่าวถึงการบริหารตลาดในส่วนของ
คลับอันดามันว่า
จะมีการปรับกลยุทธ์ใหม่ที่สอดรับกับ
สถานการณ์การท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปในเชิงรุก
มีการขยาย
ตลาดให้มีการกระจายตัวมากขึ้น
โดยเฉพาะในโซนเอเซีย
ซึ่งจะเน้นกลุ่มลูกค้าอินเซนทีป
ปรับส่วนตลาดรองรับ กลุ่มสัมมนา
รวมทั้งการจัดโปรโมชั่นในรูปของแพจเกจ
เช่น เวดดิ้งแพจเกจ
เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มอื่นๆ ได้แก่
กลุ่มสปา
เพิ่มอัตรากำลังขยายตัวของตลาดญี่ปุ่น
โดยในปี 2001 นี้
ช่วงไตรมาสแรกสามารถที่จะขยายตลาดให้มีอัตราการเข้า
พักในเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา
รวมถึงการพัฒนา
มาตรฐานระบบอีคอมเมิร์ท
และการที่เข้าซื้อกิจการของ
อันดามันสวีท
ซึ่งนอกจากจะทำให้ห้องพักของคลับอันดามัน
ซึ่งเดิมมีอยู่ 270 ห้อง
เพิ่มขึ้นอีก 100 ห้อง และยังเป็น
การขยายตลาดกลุ่มใหม่ๆ
โดยมีการใช้ประโยชน์ร่วมกันของ
โรงแรมทั้ง 2 ได้อย่างเต็มที่
เนื่องจากมีที่ตั้งอยู่ใกล้กันมาก
นายโอกาสยังกล่าวอีกด้วยว่า
โรงแรมคลับอันดามันฯ
นับเป็นโรงแรมระดับ 4
ดาวที่ประสบความสำเร็จทางด้าน
การบริการ
เนื่องจากได้ผ่านการรับรองระบบคุณภาพมาตร
ฐานสากล ไอเอสโอ 9002
และนับเป็นความภูมิใจอย่าง
ยิ่งเนื่องจากเราไม่ได้เป็นโรงแรมที่บริหารโดยเชนต่างประ
เทศ
แต่เป็นทีมผู้บริหารซึ่งเป็นคนไทยภายใต้นโยบาย
"เราจะให้บริการที่มีคุณภาพให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูง
สุดและเป็นที่ประทับใจ"
นอกจากนี้ก็มีการพัฒนาด้าน
บุคลากรซึ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความ
สามารถของบคุลากรอันถือเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินงาน
ด้านบริการ
โดยจัดให้มีห้องฝึกอบรมเพื่อพัฒนางานต่างๆ
ตลอดทั้งปี
รวมถึงการให้ความรู้จากวิทยากรจากภายนอก
และมีนโยบายสนับสนุนให้พนักงานมีความก้าวหน้าในสาย
งานมีการปรับโครงสร้างค่าตอบแทนให้เกิดความเป็นอยู่
และสวัสดิการที่ดี ที่สำคัญ คือ
เน้นการฝึกอบรมและให้
ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
เพื่อให้สามารถรองรับ
การพัฒนาทางด้านการสื่อสารภายในหรือระบบอินเตอร์เน็ต
ซึ่งมีการนำมาใช้พร้อมกัน
การปรับเปลี่ยนระบบคอมพิว
เตอร์ใหม่มาเป็นไฟท์ดิโอให้สามารถสื่อสารได้อย่างมีระบบ
รวดเร็ว และทันสมัยขึ้น
อันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพของ
การบริการอีกทางหนึ่ง
รวมถึงส่งเสริมในเรื่องของการดูแล
รักษาสิ่งแวดล้อม
โดยจัดให้มีการสวนศึกษาซึ่งมีพันธุ์ไม้
ต่างๆ กว่า 400 ชนิด
ภายในโรงแรมมีการจัดบริการใน
ลักษณะของสวนครัวไทยเพื่อให้ผู้ที่เข้าพักได้รู้จักกับพืชผัก
สวนครัวไทยและยังมีการจัดอบรมการทำอาหารไทยด้วย
สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวโดยภาพรวมนั้น
นายโอภาสกล่าวว่า
จากนโยบายของรัฐบาลซึ่งต้องการ
เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวถึง
5 หมื่นล้านบาทนั้น และได้
มีการอนุมัติงบประมาณจำนวน 500
ล้านบาทในการวาง แผนการตลาด
ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการเสร็จแล้ว
โดยจะ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2002
ซึ่งจะเน้นตลาดไมซ์หรือตลาด
ประชุมสัมมนา
ตลาดอีโคทัวร์ริซึ่มซึ่งจะมีการขยายให้กระ
จายตัวมากขึ้น
ตลาดการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ตลาดนิส-มาเก็ต หรือตลาดเฉพาะ
เช่น กอล์ฟ ดำน้ำ ดูนก ตกปลา
เป็นต้น
รวมทั้งการเปิดสำนักงานในต่างประเทศเพิ่มอีก
3 แห่ง
โดยตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจาก
9.4 ล้านคน เป็น 10.5 ล้านคน
"จากนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลคิดว่าในปีหน้านั้น
จะต้องทำงานหนักกันพอสมควร
เพราะดูจากจำนวนตัว
เลขของนักท่องเที่ยวที่จะต้องเพิ่มขึ้นนั้นคาดว่าจะต้องเพิ่ม
ขึ้นประมาณ 8-10%
ซึ่งก็คงต้องช่วยกันทุกฝ่ายจะให้ใน
ส่วนของการท่องเที่ยวดำเนินการเพียงฝ่ายเดียวคงไม่ได้"
นายโอภาสยังกล่าวเพิ่มเติมว่า
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ
ไม่ใช่เรื่องของคนที่อยากมาเที่ยว
แต่เป็นเรื่องของเที่ยวบิน
ที่จะมา
ซึ่งหากเป็นของภูเก็ตก็นับว่าโชคดีที่มีเที่ยวบินตรง
มายังภูเก็ตเป็นจำนวนมาก
แต่ที่น่าเสียดาย คือ ในเดือน
ตุลาคมนี้จะมีการยกเลิกเที่ยวบินจากเพิร์ท
ซึ่งจะทำให้
เราต้องสูญเสียตลาดกลุ่มนี้ไปให้กับเพื่อนบ้าน
เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย
เป้นต้นแทน
เพราะหากไม่มีเที่ยวบินตรงการ
เดินทางจากประเทศของเขามายังภูเก็ตต้องใช้ระยะเวลา
เพิ่มมากขึ้น
ส่วนปัญหาทางด้านการเมืองนั้นคิดว่าคงไม่
ใช่ปัญหาใหญ่เพราะเรามีปัญหากันเองภายในซึ่งต้องมี
การดำเนินการให้ลงตัว
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าราคาห้องพักสูงทำให้
นักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้ามาภูเก็ตนั้น
เรื่องนี้ไม่เป็นความ จริง
และอยากให้มีการเปรียบเทียบในเรื่องของค่าเงินใน
ช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากับปีนี้จะพบว่านักท่องเที่ยว
มีความได้เปรียบมาก
เนื่องจากการซื้อทัวร์เข้ามานั้นจะ
ซื้อด้วยดอลลาร์
และราคาห้องพักของภูเก็ตก็มีให้เลือก
ในหลายระดับซึ่งขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวที่มี
สิทธิที่จะเลือกได้
และอีกตัวอย่างที่ชัดเจนคือ
จำนวนนัก
ท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่นกับไฮซีซั่น
ซึ่งจะเห็นได้ว่าแตกต่าง กันมาก
โดยหน้าโลว์แม้ราคาห้องพักต่ำลงแต่นักท่องเที่ยว
ก็ไม่มา
แต่ในทางกลับกันเมื่อถึงช่วงหน้าไฮซีซั่นซึ่งราคา
ห้องพักมีราคาแพงแต่กลับมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา
เป็นจำนวนมาก
คิดว่าในเรื่องนี้เป็นเรื่องของกลไกการ
ตลาดมากกว่า |